วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2550

สะอาดที่ใจ

สะอาดที่ใจ
งานทำความสะอาด เป็นหนึ่งในกิจวัตร หากแต่เป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์หากใช่กิจวัตรประจำไม่
เมื่อต้องการให้อากาศถ่ายเท จึงไม่ชอบปิดบ้านมิดชิด แต่ปิดบ้างตามสภาพอากาศ
วันไหนอบอ้าวมากก็อาศัยพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศถ้ามีกำลังทรัพย์พอจ่ายค่าไฟฟ้า วันไหนลมพัดเย็นสบายก็เปิดหน้าตางรับลมธรรมชาติเต็มที่
ผลที่ได้คือ การทำความสะอาดแต่ละครั้งต้องใช่เวลานานพอสมควร เนื่องจากฝุ่นละอองที่เกาะอยู่ตามที่ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้ในเวลารวดเร็ว
กว่างานจะเสร็จและสมความสบายใจตนอาการ “ได้เหงื่อ” จึงเกิดขึ้นทุกครั้ง
แต่กลับกลายเป็นง่ายเหตุบังเอิญในวันนั้น ทำให้ตัดสินใจไม่สวมแว่นตาทำความสะอาดบ้านอีก
เหตุผลก็เพราะไม่ได้สายตาสั้นขนาดนั้นจนมองไม่อะไรไม่ชัด และอยากลองเอาสิ่งที่เป็นกรอบออกจากตาเราดูบ้าง
การถอดแว่นตาออก มีผลเพียงภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เช็ดบ้านโดยไม่สวมแว่นตาจึงใช้เวลาน้องกว่าตอนที่สวมแว่น ผลดีต่อมาคือสามารถนำ “เวลา” ที่เป็นกำไรเพิ่งขึ้นมาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เพลิดเพลินเจริญใจกว่าได้
เช่น อ่านหนังสือ หรือดูทีวี อันเป็นกิจกรรมโปรดยามว่างจากงานภายในบ้านและงานนอกบ้าน แม้บ้านจะไม่สะอาดสะอ้านเท่าเดิม แต่ก็ที่มีเวลาส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะถึงอย่างไร ก็คงไม่สามารถสู่รบกับฝุ่นละอองให้หมดไปจากโลกนี้ได้
อีกทั้งยังไม่ใช้บ้านคนเด่นคนดังที่จะต้องมีนิตยสารมาถ่ายภาพ หรือบ้านนายกรัฐมนตรีที่ต้องมีแขกเป็นประจำ ยังคิดได้ต่อมาว่า ความสะอาดตามมาตรฐานของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน หากวัดกันด้วยสายตา
ฉะนั้น วัดความสะอาดด้วย “จิตใจ” บ้างจะเป็นไร ชีวิตจึงรื่นรมย์มากขึ้นจากมาตรฐานใหม่ที่กำหนดขึ้นมาเองว่า ความสะอาดอยู่ที่ “จิตใจ”
ไม่ใช่ “สายตา”

ไม่มีความคิดเห็น: